การศึกษารายกรณี
การศึกษารายกรณี
หมายถึง การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคล
อย่างลึกซึ้งและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้บุคคลมีพฤติกรรมเช่นนั้น
หรือมีพฤติกรรมแปลกไปว่ามีสาเหตุมาจากอะไร รวมทั้งแปลความหมายของพฤติกรรมนั้นๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับปัญหา
และการปรับตัวของบุคคลอย่างไร (พนม ลิ้มอารีย์. 2538: 8) ซึ่งสอดคล้องกับกมลรัตน์ หล้าสุวงษ์ (2529: 3) ได้กล่าวว่า
การศึกษาบุคคลเป็นรายกรณี คือ
การศึกษารายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญของหน่วยใดหน่วยหนึ่งในสังคม เช่น บุคคล กลุ่ม ชุมชน สถาบัน
ฯลฯ โดยเฉพาะในปัจจุบัน มักเน้นศึกษารายละเอียดของแต่ละบุคคล
การศึกษารายละเอียดของแต่ละบุคคลนี้ จะต้องศึกษาต่อเนื่องกันไป
ในระยะเวลาหนึ่ง
แล้วนำรายละเอียดที่ได้มาวิเคราะห์ตีความ
เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุของพฤติกรรม
ซึ่งอาจจะเป็นพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือไม่เป็นปัญหาก็ได้
พัฒนาการด้านต่างๆ
ความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายๆ ด้าน ถ้าในรายที่เป็นปัญหา
จะได้ใช้เป็นแนวทางในการที่จะช่วยเหลือหรือแก้ไข
แต่ถ้าในรายที่ไม่เป็นปัญหาจะได้ใช้เป็นแนวทางในการป้องกัน ส่งเสริม
หรือนำไปเป็นแบบฉบับแก่บุคคลอื่นต่อไปในปัจจุบัน และในอนาคต
ประหยัด
ลักษณะงาม (2524 : 37) กล่าวว่า
การศึกษารายกรณีเป็นวิธีการศึกษาบุคคลอย่างละเอียดทุกด้านต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
นับเป็นเทคนิคหนึ่งของการแนะแนวที่ใช้เทคนิคการแนะแนวหลายๆ
อย่างรวมยอดข้อมูลทุกด้านของบุคคล ต่อจากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาจัดรวมกันไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์
และวินิจฉัยปัญหา เพื่อช่วยให้มองเห็นบุคลิกภาพของบุคคล
จนสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของบุคคลและหาสาเหตุของปัญหาชัดเจน
แล้วจึงนำข้อมูลมาพิจารณาวางแผนให้ความช่วยเหลือแนะแนวให้บุคคลพยายามแก้ไขปัญหา และพัฒนาสภาพชีวิตของตนให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุภาพรรณ
โคตรจรัส (2528: 1) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี
เป็นการศึกษาและวิเคราะห์สิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยละเอียด อาจเป็นการศึกษาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กลุ่มบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ชุมชนใดชุมชนหนึ่ง หรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง
การศึกษารายกรณี มิได้หมายความเฉพาะการรวบรวมข้อมูล
ประวัติของบุคคลที่ถูกทำการศึกษาเท่านั้น
แต่ยังต้องรวมถึงการนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์จัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์
เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยการให้ข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการ และการติดตามผลตามลำดับ
นันทิกา
แย้มสรวล (2529:7)
ได้สรุปความคิดรวบยอดของการศึกษารายกรณีว่าเป็นวิธีการศึกษาบุคคลอย่างละเอียดทุกด้านต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
เป็นการรวบรวมข้อมูลทุกด้านของบุคคลมาจัดไว้อย่างเป็นระบบ
เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหา
เพื่อช่วยให้มองเห็นบุคลิกภาพรวมของบุคคล
จนสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของบุคคลและสาเหตุของปัญหาอย่างชัดเจน
แล้วนำข้อมูลมาพิจารณาวางแผนให้การช่วยเหลือ
แนะแนวให้บุคคลพยายามแก้ไขและพัฒนาสภาพชีวิตของตนให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัชราภรณ์
อภิวัชรางกูร (2535:10) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง
การศึกษาเรื่องราวของบุคคลอย่างละเอียดโดยผ่านกระบวนการในการศึกษารายกรณี
เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงกระบวนการของพฤติกรรม ประสบการณ์
และการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งแนวทางช่วยเหลือ การป้องกัน และการส่งเสริม
เพื่อให้บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
รุ่งทิพย์
ยอดประดู่ (2536 :9) กล่าวว่า
การศึกษารายกรณี หมายถึง
การศึกษาเรื่องราวของบุคคลอย่างละเอียดโดยผ่านกระบวนการศึกษารายกรณี เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงสาเหตุของการเกิดปัญหา
เพื่อจะหาแนวทางช่วยเหลือบุคคล ให้สามารถปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นทุกด้าน
พร้อมทั้งแนวทางในการช่วยเหลือ การป้องกัน
และการส่งเสริมให้บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ
จากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า การศึกษารายกรณี
หมายถึง การศึกษาสาเหตุของพฤติกรรมของบุคคลอย่างละเอียด
โดยใช้เครื่องมือในการแนะแนวเพื่อหาทางช่วยเหลือ ป้องกัน
และส่งเสริมเพื่อให้บุคคลที่ถูกศึกษานั้นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ความมุ่งหมายของการศึกษารายกรณี
1. เพื่อสืบค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมที่ผิดปรกติ
ซึ่งทางโรงเรียนจะได้ให้ความช่วยเหลือและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
2.
เพื่อสืบค้นรูปแบบของพัฒนาการของนักเรียน
ทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และจิตใจ
3.
เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจในตนเอง
สามารถพัฒนาวางแผนชีวิต และตัดสินใจเลือกแนวทางการศึกษาต่อ
และเลือกอาชีพที่เหมาะสม
4.
เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจในตัวเด็กของตนได้ดีขึ้น
5.
เพื่อช่วยให้ครูเข้าใจนักเรียนได้อย่างละเอียด
ลึกซึ้ง และถูกต้อง
ประโยชน์ของการศึกษารายกรณี
ในวิธีการศึกษารายกรณี
ที่นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคลเพื่อให้กรแนะแนวนั้น
จัดเป็นกลวิธีที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่นำมาใช้และบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากซึ่งจำแนกออกได้
ดังนี้
ประโยชน์ต่อครูหรือผู้แนะแนวที่เป็นผู้ศึกษาโดยตรง
1. ช่วยให้ครูหรือผู้แนะแนวได้ทราบรายละเอียด
เกี่ยวกับตัวนักเรียนอย่างกว้างขวาง
ทำให้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง
2.
ช่วยให้ครูและผู้แนะแนวเข้าใจถึงสาเหตุและเงื่อนไขต่างๆ
ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา ทำให้มองเห็นลู่ทางที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียนได้อย่างเหมาะสม
3.
ช่วยให้ครูและผู้แนะแนวมีความรู้และมีทักษะในการใช้เครื่องมือและกลวิธีต่างๆ
ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเรียน และยังช่วยให้เป็นคนที่มีเหตุผล
รู้จักเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ รู้จักแก้ปัญหาโดยใช้ข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาประกอบในการพิจารณาตัดสินใจ
ประโยชน์ต่อนักเรียนที่เป็นผู้ไดรับการศึกษา
1.
ช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจตนเอง
ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองมีการปรับปรุงตนเอง หรือแก้ไขปัญหาของตน
เพื่อช่วยให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2.
ช่วยให้นักเรียนมีกำลังใจและมีความเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง
ประโยชน์ต่อคณะครูและโรงเรียน
1.
ช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียนของตนดีขึ้น
ยินดีให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้นักเรียน
2.
ช่วยให้โรงเรียนได้ทราบความเท็จจริงต่างๆ
เกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของตัวเด็ก ทำให้สามารถนำข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน
การจัดกิจกรรมและการใช้บริการด้านต่างๆ แก่นักเรียนได้อย่างเหมาะสม
ประโยชน์ต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับการศึกษา
1.
ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กของตนดีขึ้น
ทำให้สามารถปฏิบัติต่อบุตรได้อย่างเหมาะสม
2.
ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ
เพราะตระหนักได้ว่า โรงเรียนมีความตั้งใจและจริงใจในการป้องกัน ช่วยเหลือ
แก้ไขและส่งเสริมพัฒนานักเรียน
การเลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี
ในการศึกษารายกรณีนั้น
ครูสามารถเลือกนักเรียนได้หลายประเภท
ไม่จำเป็นจะต้องเลือกเฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาเท่านั้น
ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการศึกษาของครูว่า ต้องการทราบเรื่องอะไร
ครูควรเลือกนักเรียนเพื่อทำการศึกษารายกรณี สามารถจำแนกได้ดังนี้
1)
นักเรียนที่ประสบผลสำเร็จในด้านการเรียนดีเยี่ยม
2)
นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง
เช่น ศิลปะ ดนตรี ฯลฯ
3)
นักเรียนที่มีปัญหามาก
4)
นักเรียนที่มีความทะเยอทะยานมีกำลังใจเข้มแข็งที่จะเอาชนะอุปสรรค
5) นักเรียนที่เรียนอ่อนไม่สมารถที่จะทำงานในระดับที่เรียนอยู่ได้
6) นักเรียนที่มีพฤติกรรมดีเด่นสมควรเอาเป็นตัวอย่าง
7)
นักเรียนที่มีพฤติกรรมปรกติธรรมดาทั่วๆ
ไป
No comments:
Post a Comment